ภาษาไทย
ยินดีต้อนรับสู่ โรงแรมกระบี่ริเวอร์วิว
โรงแรมกระบี่ริเวอร์วิวเป็นโรงแรมใหม่ตกแต่งในสไตล์ Modern สร้างเสร็จเมื่อ ธ.ค. 56 ประกอบด้วยห้องสแตนดาร์ด ซูพีเรียร์ และเดอลุกซ์ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ริมแม่น้ำกระบี่ สามารถมองเห็นแม่น้ำ และเขาขนาบน้ำจากระเบียงในห้อง sea view นอกจากนี้ยังมีคิวรถสองแถวตั้งอยู่หน้าโรงแรมทำให้สะดวกต่อการเดินทางไปท่าเรือและรอบเมือง Krabi River View Hotel ให้บริการห้องพักที่สะดวกสบายด้วยเครื่องปรับอากาศ มีโต๊ะบริการทัวร์คอยอำนวยความสะดวกในการจัดทัศนาจรไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ต่างๆ...
ภายในโรงแรมมีร้านอาหารไทย ฝรั่ง ไอศครีม Gelato คอกเทล ไวน์ และอาหารเช้าในราคาที่ไม่แพงให้บริการตั้งแต่ 7.00 น.- 21.00 น.
"The River" Restaurant
เมืองกระบี่...ดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวทางทะเล
สวรรค์แห่งการท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์วัดคลองท่อม เขาขนาบน้ำ
อนสาวรีย์ปูดำ-ไฟแดง-กำแพงประวัติศาสตร์ ชุมชนบ้านเกาะกลาง
น้ำพุร้อนเค็ม-น้ำตกร้อน สระมรกต สุสานหอย ท่าปอมคลองสองน้ำ
วัดถ้ำเสือ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่
ราคาห้องพัก
Standard Room เริ่มต้น 900 บาท*
Superior Room เริ่มต้น 1,200 บาท*
Deluxe Room เริ่มต้น 1,500 บาท*
*ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละวัน กรุณาโทรติดต่อที่ประชาสัมพันธ์โรงแรม
Facilities
- Air-Conditioning
- Hot Shower
- Safety Box
- Cable TV
- Free Fiberoptic Wifi
- Mini Bar
- Coffee Shop
- Concierge
- Airport Transfer
- "THE RIVER" Restaurant & Bar
- Laundry Service
- Car Park
- Breakfast (optional)
- Extra Bed (optional)
กระบี่ เมืองชายทะเลในฝัน งดงามด้วยหาดทรายขาว น้ำทะเลใส ปะการังสวย ถ้ำโตรกชะโงกผา
และหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 100 เกาะ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอันดามัน อยู่ห่างจาก กรุงเทพมหานคร 814 กิโลเมตร
ตัวเมืองกระบี่มีแม่น้ำยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ไหลผ่านลงสุ่ทะเลอันดามันที่มีตำบลปากน้ำ นอกจากนี้ยังมีคลองปกาสัย
คลองกระบี่ใหญ่ และคลองกระบี่น้อย มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกระบี่ คือ เทือกเขาพนมเบญจา
จากหลักฐานทางโบราณคดี สันนิษฐานได้ว่าบริเวณเมืองกระบี่เคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณที่เก่าแก่มากแห่งหนึ่งในประเทศไทย
ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และต่อเนื่องมาจากถึงสมัยประวัติศาสตร์ กล่าวกันว่าดินเเดนแห่งนี้ เดิมคือ เมืองบันไทยเสมอ 1 ใน 12
เมืองนักษัตรที่ใช้ตราลิงเป็นตราประจำเมืองขึ้นกับอาณาจักรนครศรีธรรมราช นอกจากนี้ยังมีข้อสันนิฐาณเกี่ยวกับชื่อเมืองกระบี่ว่า
อาจมาจากความหมายที่แปลว่า ดาบ เนื่องจากมีตำนานเล่าสืบต่อกันมากเกี่ยวกันการขุดพบมีดดาบโบราณก่อนที่จะสร้างเมือง
อนุสาวรีย์ปูดำ-ไฟแดง-กำแพงประวัติศาสตร์
ถนนหน้ามืองกระบี่เป็นเส้นขนานกัน ประกอบด้วยไฟแดงมนุษย์โบราณ ไฟแดงพระเศวต (ช้าง) ไฟแดงนกออก (พญาอินทรี)
และไฟแดงเสือเขี้ยวดาบ ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดนอกจากกำแพงเมืองประวัติศาสตร์ที่รวบรวมทุกเรื่องราวของเมืองกระบี่ไว้อย่างครบถ้วน
ซึ่งตั้งอยู่หลังศาลาว่าการหลังใหม่ ยังมีประติมากรรมทองเกลืองปูดำขนาดใหญ่เป็นแลนด์มาร์กของเมืองเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
พิพิธภัณฑ์วัดคลองท่อม
ตั้งอยู่บริเวณวัดคลองท่อม ถนนเพชรเกษม ห่างจากที่ว่าการอำเภอคลองท่อมประมาณ 1 กิโลเมตร เก็บสะสมสิ่งของ วัตถุโบราณจำนวนมาก
ที่ขุดค้นพบได้ในบริเวณที่เรียกว่า "ควนลูกปัด" อันเป็นดินหลังวัดคลองท่อม อาทิ เครื่องมือหิน เครื่องประดับซึ่งทำจากหินและดินเผา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกปัดอันเป็นรดกทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่ของมนุษย์เมื่อ 5000 ปีเศษมาแล้ว
สำหรับภาคใต้ของไทย ทางฝั่งอันดามัน และฝั่งอ่าวไทย มีการขุดพบลูกปัดโบราณจำนวนมาก ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ของคาบสมุทรภาคใต้ ทำให้บริเวณนี้เป็นจุดเชื่อมต่อสองฝั่งกับการค้าทางทะเล ระหว่างคาบสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก ในกลุ่มจังหวัดอันดามัน แหล่งที่ขุดลูกปัดโบราณมี อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ส่วน อ.ตะกั่วป่า จ. พังงา ลูกปัดที่ขึ้นชื่อคือลูกยอ แต่ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดว่าเป็นลูกปัดปักษ์ใต้คือลูกปัดสุริยะเทพ ของ อ. คลองท่อม นั่นเอง
เขาขนาบน้ำ
เที่ยวตัวเมืองพลาดไม่ได้กับทิวทัศน์ริมแม่น้ำกระบี่ซึ่งมีความยาว 5 กิโลเมตร มองไปเบื้องหน้าจะเห็นเป้นเขาสองลูก สูงประมาณ 100 เมตร นามว่า ขนาบแม่น้ำ
ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมือง สามารถไปเที่ยวชมได้ โดยเช่าเรือหางยาวที่ท่าเรือเจ้าฟ้า ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาที นอกจากนั่งเรือไปชมเขาและป่าชายเลน
ที่มีความสมบูรณ์แล้วยังสามารถเดินขึ้นไปเที่ยวถ้ำได้ ภายในมีหินงอกหินย้อย และเป็นสถานที่ที่เคยพบโครงระดูกมนุษย์จำนวนมาก แต่ปัจจุบันไม่หลงเหลือแล้ว
สันนิษฐาณว่าอาจเป็นโครงกระดูกของกลุ่มที่อพยพมาตั้งหลักแหล่ง แต่ล้มตาย เนื่องจาก เกิดอุทกภัยอย่างฉับพลัน และสำหรับผู้ที่นิยมพายเรือแคนนู บริเวณนี้
เหมาะอย่างมาก เพราะมีธรรมชาติที่เขียวชอุ่มด้วยป่าชายเลนและน้ำนิ่ง
ชุมชนบ้านเกาะกลาง
อยากสัมผัสวิถีชุมชนแบบดั้งเดิมของชาวมุสลิม เพียงแค่นั่งเรือจากท่าเรือเจ้าฟ้าไปประมาณ 5 นาที เสมมือนหลงเข้าไปอยู่อีกหนุ่งบรรยากาศ เป็นชุมชน
บ้านเกาะกลางทะเล ที่มีเนื้อที่ประมาณ 3000-4000 ไร่ แม้จะอยุ่บนเกาะกลางทะเล แต่วิธีบริหารจัดการ สามารถรวมตัวและอยู่กันอย่างสันติสุข มีการทำนา
ปลูกข้าวสังข์หยด ซึ่งได้รับความนิยมๆไม่ปพ้ที่ไหนๆ มีการจัดตั้งกลุ่มทำขนมพื้นบ้าน กลุ่มทำผ้าปาเต๊ะ กลุ่มทำเรือหัวโทง ซึ่งเป็นสินค้า OTOP ขายให้กับนักท่องเที่ยว
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสวิถีชุมชนแบบเข้าถึง สามารถนอนโฮมสเตย์ หรือ รีสอร์ทบนเกาะกลางได้ เป็นแนว Eco ที่กินอยู่แบบรียบง่ายและพอเพียง
ส่วนกิจกรรมที่นิยมทำกันบนเกาะ นอกจากการปั่นจักรยาน ช่วงน้ำลดระดับ 13-15 ค่ำ สามารถเดินลงไปในแม่น้ำได้ประมาณ 3-4 กิโลเมตร เพื่อลงไปสักหอย
หรือ ตอกหอย รวมถึงลงไปจับปลาในโป๊ะกับชาวบ้าน คืออีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน และสำหรับช่วงปลายปีถึงต้นปีจะมีนกอพยพนับล้านๆตัวบินมา
จากแถบไซบีเรียเพื่อหลบหนาว ทำให้ชุมชนบ้านเกาะกลางกลายเป็นแหล่งดูนกที่ได้รับความนิยมไม่น้อย